Category: Uncategorized

  • เรื่องผีและสิ่งลี้ลับ “บ้านเรามีผีกี่ตัว” โดย การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์

    มีหลายๆ คนบอกว่า เวลามาที่บ้านของเรานั้น มักจะเหมือนมี “ดวงตา” จ้องมอง และหลายครั้งทำให้รู้สึกไม่มั่นใจที่อยู่ในบ้านเพียงลำพัง แต่ก็อาจจะเพราะว่า ในทางเหนือล้านนานั้น บ้านของ “ปู่จารย์” เป็นบ้านที่ได้ชื่อว่ามีของอาถรรพ์ หรือสิ่งเร้นลับแฝงฝังอยู่ ดังที่เคยได้เล่าไปว่าในสมัยก่อนนานมา เวลาจะรื้อบ้านขายไม้ ชาวบ้านทั่วไปก็เลี่ยงจะซื้อบ้านเก่าของปู่จารย์ เพราะเชื่อกันด้วยว่า หาก “บารมี” ไม่ถึง ก็จะต่อกรกับของเร้นลับไม่ได้ อันคำว่า “บารมี” นั้น พ่อเองก็ได้อธิบายว่า ในทางไสยศาสตร์หมายถึงบุคคลที่มีอำนาจเป็นที่ยำเกรง แม้บุคคลนั้นจะไม่ต้องแสดงออกมาเลยก็ตาม ฉันเคยสงสัยว่า แล้วอะไรคืออำนาจอย่างนั้น เราจะได้มันมาด้วยเหตุใด และใครคือผู้ชี้ว่าเรามีอำนาจแล้ว ในเมื่ออำนาจที่จะอยู่เหนือภูติผีปีศาจ อยู่เหนือของมองไม่เห็นตัวตน ก็อาจปราศจากการชี้วัดได้อย่างเป็นรูปธรรม พ่อตอบว่า ของอันเป็นนามธรรม ก็ย่อมรู้ได้ด้วยสิ่งที่เป็นนามธรรม และสิ่งเหล่านั้นก็เช่นเดียวกับการที่พ่อเคยตอบคำถามมาแล้วข้อหนึ่ง …เมื่อมีคนถามพ่อว่า ผีมีจริงไหม นรกสวรรค์มีจริงหรือไม่ “…พ่อก็ถามเขากลับว่า วันพรุ่งนี้มีจริงมั้ย มีใครเห็นวันพรุ่งนี้บ้าง เรานั่งอยู่วันนี้ เราว่าไว้พรุ่งนี้ก่อนจะทำนั่นทำนี่ พอถึงวันพรุ่งนี้ แล้ววันพรุ่งนี้มีไหน… “เมื่อวานก็เหมือนกัน เราพูดกันว่า เมื่อวานอย่างนั้น เมื่อวานอย่างนี้ แล้วเมื่อวานอยู่ไหน เราอยู่วันนี้ เราก็รู้ว่ามีเมื่อวาน […]

  • พลังในไสยศาสตร์ และการแยกแยะจริงลวง โดย การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์

    คำถามหนึ่ง ที่มักจะได้พบเสมอ และสำหรับฉันเองก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจไม่น้อย คือคำถามว่า “เราจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่ได้พบเจอ เป็นเรื่องเร้นลับที่เกิดขึ้นจริงๆ ไม่ใช่มโน” และในโลกของสิ่งเร้นลับที่ดูมีมากมายในสังคมไทยเรา มันเป็นข้อเท็จจริงแค่ไหน หลายครั้งที่ฉันอดจะคิดถึงเรื่อง 2 เรื่องไม่ได้ คือหนึ่ง สิ่งที่ตามองไม่เห็น ใช่ว่ามันจะไม่มี ตัวอย่างเช่น หากใครสักคนเกิดมาตาบอดแต่แรกเกิด มองไม่เห็นสิ่งใดๆ เขาจะรู้ได้ว่าสิ่งนั้นมีอยู่ต่อเมื่อได้สัมผัส และได้รับการบอกเล่าอธิบาย แต่ใครจะรู้ว่า ในจินตภาพนั้นจะตรงกันกับความจริงแค่ไหน (คนละอย่างกับผู้พิการสายตาภายหลัง ที่อาจจะรู้แล้วว่าของแต่ละอย่างเคยมีรูปทรงอย่างไร) อีกหนึ่งคือ ปลาที่อยู่ในน้ำ กับนกที่อยู่บนฟ้า เมื่อปลากระโดดขึ้นเหนือผืนดิน มันย่อมจะเสียชีวิตได้ หรือหากนกปีกหักตกลงไปในน้ำ มันก็คงจะตายได้ทุกเมื่อ อย่างไรก็ดี ยามที่ปลาใช้ชีวิตอยู่ในน้ำ ถ้ามีคนบอกว่า บนผืนดินที่แห้งผากนั้นสามารถอยู่อาศัยได้ เราไม่ต้องเอาตัวจุ่มไว้ในน้ำตลอดเวลา ปลาจะเชื่อไหม ในเมื่อโลกที่ไร้น้ำคือโลกของความตายเท่านั้น การที่สิ่งมีชีวิตอื่นๆ ใช้ชีวิตกันอุ่นหนาฝาคั่งบนฟากฝั่ง ช่างดูเหลวไหล? ฝูงนกก็เช่นกัน หากบอกพวกมันว่า มีชีวิตมากมายที่ไม่อาจจะโบยบินได้บนฟ้ากว้าง ไม่ใช่ทุกชีวิตที่จะกระพือปีกแล้วโผบินขึ้นไป นกจะขบขันไหม พวกมันอาจจะคิดว่าน่าตลกเสียจริง เรื่องแค่นี้ก็ทำไม่ได้ ต่อให้ไม่ต้องมีพ่อแม่นกสอนบิน ไม่เร็วก็ช้า นกหลายชนิดก็จะบินได้อยู่ดี ฉันมักจะคิดถึงเรื่องเหล่านี้ เมื่อบางครั้งเรายังไม่มีคำตอบแน่ชัดกับเรื่องหลายอย่าง โดยเฉพาะสิ่งที่เกิดเป็นประสบการณ์เฉพาะตน แต่ก็นั่นเอง […]

  • ไหว้ท้าวเวสสุวรรณ 5 วัดดัง เสริมโชคให้สำเร็จ สมปรารถนา

    ปีใหม่วนมากลับมาอีกครั้ง แต่ถ้าหลายคนยังรู้สึกไม่ค่อยแฮปปี้ ขึ้นปีใหม่ทั้งทีแต่ทำไมชีวิตเรายังมีปัญหาติดขัดจากปีเก่า ทั้งการงานไม่ก้าวหน้า ไม่มีโชคลาภ บารมี โรคภัยไข้เจ็บก็วนเวียนรายล้อม แถมแย่สุดก็การเงินวิกฤต ติดขัดไปหมด โอ้โห… ถ้าแก้ไขด้วยตัวเองเต็มที่ แต่ก็ยังไม่ดีขึ้นซักที ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร พี่เห็ดแนะนำว่า เข้าสายมูกันซักนิด ไหว้พระขอพร เพื่อความเป็นสิริมงคล เรียกโชคลาภกันซักหน่อย ตามมาทางนี้เลยค่ะ พี่เห็ด มัชรูมทราเวล จะพาไป ไหว้ท้าวเวสสุวรรณ 5 วัดดัง ใกล้กรุงเทพฯ เสริมมงคล ช่วยผ่อนหนักเป็นเบา เปลี่ยนสถานการณ์ร้าย ๆ ให้กลายเป็นดี เริ่มต้นเสริมกำลังใจ เดินทางไปไหว้แบบ one day trip จากกรุงเทพฯ กันได้เลย แต่ก่อนจะไปไหว้ วัดที่มีท้าวเวสสุวรรณ เราขอแนะนำเพื่อน ๆ เป็นเกร็ดความรู้กันก่อนว่า สาเหตุที่เราชวนมา ไหว้ท้าวเวสสุวรรณ นั่นก็เพราะว่า ท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวเวสสุวัน) หรือที่ภาษาพราหมณ์เรียก ท้าวกุเวร ทางพระพุทธศาสนาเรียก ท้าวไพสพ มีประวัติตามความเชื่อว่า เป็นเจ้าแห่งอสูรหรือภูตผีปีศาจ ผู้ทรงอิทธิฤทธิ์และมีอานุภาพมาก […]

  • ทำไมถึง “ถวายน้ำอ้อย” กับ “ท้าวเวสสุวรรณ”

    อาจจะเคยได้ยินกันมาบ้างเกี่ยวกับการ “ถวายน้ำอ้อย” เพื่อขอพรแก่ “ท้าวเวสสุวรรณ” แล้วสงสัยกันหรือไม่ว่าทำไมถึงต้องเป็น “น้ำอ้อย” เชื่อว่าไม่มีสายมูคนไหนไม่รู้จัก ท้าวเวสสุวรรณ เทพแห่งความมั่งคั่งร่ำรวย ความเจริญในลาภยศ ทรัพย์สินเงินทอง และอำนาจวาสนา ผู้ที่มีความศรัทธาต่างหลั่งไหลไปกราบไว้ขอพร หวังพึ่งพาบารมีของท้าวเวสสุวรรณช่วยประทานให้สิ่งที่ขอสำเร็จดั่งหวัง ซึ่งเครื่องถวายสักการะที่นำไปไหว้ท้าวเวสสุวรรณ ที่เห็นกันอย่างคุ้นตามากที่สุดก็คือดอกกุหลาบแดง น้ำแดง ผลไม้ต่างๆ และอีกสิ่งหนึ่งคือการ “ถวายน้ำอ้อย” แล้วสงสัยกันหรือไม่ว่าทำไมถึงต้องเป็น “น้ำอ้อย” ไปหาคำตอบจากข้อสงสัยนี้กัน! “น้ำอ้อย” เกี่ยวข้องอะไรกับ “ท้าวเวสสุววรณ” ? ในทางพระพุทธศาสนานั้น ได้มีการกล่าวถึงตำนานอดีตชาติของ “ท้าวกุเวร” ว่า ก่อนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จอุบัติ มีพราหมณ์นามว่า “กุเวร” ซึ่งเป็นผู้ที่มีลักษณะนิสัยเป็นคนใจดี มีเมตตา มีอาชีพทำไร่อ้อย และแปรรูปผลผลิตด้วยการบีบน้ำอ้อยจากหีบคั้นขายเลี้ยงชีพ และครอบครัว ต่อมาเมื่อกิจการเจริญขึ้นจน ท้าวกุเวร ได้เป็นเจ้าของหีบคั้นบีบน้ำอ้อยถึง 7 หีบ ก็ได้สร้างที่พักสำหรับคนเดินทาง และทำการบริจาคน้ำอ้อยให้เป็นทานแก่ผู้เดินทางตลอดจนอายุขัย และด้วยบุญกุศลที่ได้บริจาคน้ำอ้อยให้เป็นทานนั้น ทำให้กุเวรได้ไปเป็นเทพบุตรบนสวรรค์ชั้น จาตุมหาราชิกา ที่มีนามว่า “กุเวรเทพบุตร” ก่อนที่ต่อมาจะได้เทวาภิเษกเป็นผู้ปกครองดูแลพระนครด้านทิศเหนือ โดยมีนามว่า “ท้าวเวสสุวรรณ” นั่นเอง […]

  • ตำนาน “ท้าวหิรัญพนาสูร” พร้อมคาถาท้าวหิรัญพนาสูร ขอพรช่วยเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ

    หากพูดถึงการไปขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องของสุขภาพให้ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ “ศาลท้าวหิรัญพนาสูร” คงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่หลายๆ คนเลือกไปขอพรกับท่าน วันนี้เราจึงขอนำตำนาน และประวัติของท้าวหิรัญพนาสูรมาให้ทุกคนได้อ่านกันค่ะ ความหมายชื่อท้าวหิรัญพนาสูร หิรัญ หมายถึง เงิน สีเงิน หรือบางแห่งแปลความหมายว่าทอง พนาสูร เป็นคำเชื่อมกันระหว่าง ‘พนา’ ที่แปลว่า ‘ป่า’ กับ ‘อสูร’ สื่อความหมายถึง เทพาสูรผู้เป็นใหญ่แห่งป่า ประวัติ และตำนาน ท้าวหิรัญพนาสูร ท้าวหิรัญพนาสูร หรือ ท้าวฮู ปรากฏขึ้นในแผ่นดินรัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ตามประวัติ และตำนานระบุว่า ในปี พ.ศ.2449 ขณะที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังทรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ พระองค์ได้ทรงเสด็จ ประพาสมณฑลพายัพ ซึ่งในเส้นทางดังกล่าวนั้นเป็นป่าเขา มีความอันตราย และมีโรคภัยไข้เจ็บ เมื่อทรงออกจากอุตรดิตถ์ เมื่อพระองค์เห็นว่าเหล่าข้าราชบริพารที่ตามเสด็จด้วยนั้น เกิดความหวั่นวิตกต่อภัยอันตรายในป่า พระองค์ก็ได้ทรงมีพระราชดำรัสว่า “ธรรมดาเจ้าใหญ่นายโตจะเสด็จ ณ ที่แห่งใดๆ ก็ดี คงจะมีทั้งเทวดา และปีศาจฤๅอสูร อันเป็นสัมมาทิฏฐิ คอยติดตามป้องกันภยันตรายทั้งปวง มิให้มากล้ำกรายพระองค์ และบริวารผู้โดยเสด็จได้ […]